อุตสาหกรรมแห่งอนาคตนั้นเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมูลค่าเพิ่มสูง เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมอย่างเหมาะสม กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวนี้จะเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า และจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศไทยให้เติบโต สอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก สอดรับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจและความเป็นไปทางสังคมในภูมิภาคต่างๆ ของโลก จะสามารถเพิ่มมูลค่าการลงทุนรวมของอุตสาหกรรมไทยได้มากกว่า 20% หรือมากกว่า 3 ล้านล้านบาท อากาศยาน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New Wave Industry) ของประเทศไทย ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อุตสาหกรรมไบโอพลาสติก อุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีความสำคัญของประเทศไทย และมีโอกาสที่จะพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการแข่งขันเพื่อรองรับความต้องการในประเทศที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2553 มีมูลค่าการตลาด 25,928 ล้านบาท และคาดว่าในปี พ.ศ. 2558 จะมีมูลค่าการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 38,000 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 9 ต่อปี ประกอบกับนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนให้ประเทศไทยต้องก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพแห่งอาเซียน (Medical and Health Industry Hub) ภายในปี พ.ศ.2563
สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน มีเป้าหมายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งกระบวนการของวิสาหกิจมีขั้นตอนตั้งแต่การวิจัยพัฒนาและออกแบบวัสดุอุปกรณ์ การนำวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์มาทำการทดสอบทางคลินิก (Clinical Trial) เพื่อให้ได้ผลการทดสอบทางการแพทย์และมีการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางการแพทย์ การพัฒนาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น ISO13485 CE Mark (EU) หรือ UL (US) ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการยังขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ ผู้ประกอบการบางรายไม่ทราบข้อมูลของผู้ให้บริการในการดำเนินการขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งบางครั้งผู้ประกอบการต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทดสอบและการขอรับมาตรฐานต่างๆ สูงเกินกว่าความจำเป็น จึงส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและไม่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในตลาดได้ ทั้งนี้ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน เห็นว่าวิสาหกิจในอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ควรมาจากวิสาหกิจในอุตสาหกรรมสนับสนุน อุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พลาสติก แม่พิมพ์ ยาง และบริการทางเทคโนโลยี ที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบัน
การพัฒนาอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เริ่มจากการศึกษาตลาดของอุตสาหกรรม จนบ่งบอกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ประเทศไทยมีศักยภาพ จากนั้นทำการวิเคราะห์โครงสร้างทางเทคโนโลยี เพื่อบ่งบอกกลุ่มเทคโนโลยีที่สำคัญ ซึ่งอาจมีทั้งรายการที่มีความพร้อม และรายการที่ต้องพัฒนาขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องศึกษาโครงสร้างอุตสาหกรรมสนับสนุน และบริการสนับสนุน ที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และจัดทำฐานข้อมูลเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและบริการสนับสนุน ตลอดจนพัฒนาบริการ และพัฒนาเครือข่ายบริการ เพื่อเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาปัจจัยเอื้อในการประกอบการของวิสาหกิจ
ดังนั้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยสำนักพัฒนาการจัดการอุตสาหกรรม ซึ่งรับผิดชอบในการพัฒนาปัจจัยเอื้อในการประกอบการ จึงเห็นสมควรให้มีการดำเนินกิจกรรมพัฒนาเครือข่ายหน่วยงานบริการด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 จะดำเนินการนำร่องในสาขาอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานบริการด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ